Qigong and I The Series โดย : ป่าน
ผ่านไป 3 เดือนหลังจากฝึกชี่กงทุกวัน ดิฉันก็สังเกตเห็นว่า อาการอีกอย่างหนึ่งซึ่งเคยเป็นบ่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้ชักจะห่างหายไป ก็คืออาการแพ้แมลง
อาการดังกล่าวนี้ สมัยที่ดิฉันยังเป็นละอ่อนน้อยวัยเตาะแตะ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะดิฉันเคยดูรูปตัวเองตอนเด็กๆ ก็เห็นมีรอยยุงกัดตามหน้าตาเนื้อตัว มันก็เป็นตุ่มแดงๆ ตามปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ
แต่พอเจริญวัยขึ้น อาการนี้ก็เริ่มประหลาดขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่จำความได้ คือเมื่อดิฉันเรียนชั้นประถม
วันนั้นดิฉันไปเล่นกับเพื่อนข้างบ้าน แล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนโดนอะไรกัดที่บั้นเอว จากนั้นก็เริ่มคันคะเยอ พอเปิดชายเสื้อดู พบว่ามีตุ่มแดงขนาดใหญ่อยู่เป็นสิบๆ เม็ดเต็มรอบเอว ดิฉันจึงวิ่งกลับบ้านไปหายายทันที
ยายจับดิฉันถอดเสื้อผ้า พบซากแมลงเล็กๆ ตัวหนึ่งนอนตายอยู่บนตุ่มแดงตุ่มหนึ่งที่เอวดิฉัน ยายบอกว่ามันคือตัวหมัด ดิฉันคงจะแพ้หมัด ก็เลยมีอาการมาก
ดิฉันไม่เคยเห็นใครโดนหมัดกัด ก็เลยไม่รู้ว่าโดยปกติเขาเป็นยังไงกันบ้าง แต่สำหรับดิฉัน ตุ่มแดงรอบเอวมันขยายใหญ่ขึ้นๆ จนมารวมเป็นสุวรรณปฐพีเดียวกัน กลายเป็นปื้นหนาๆ สีแดงรอบเอว ซึ่งนอกจากจะคันมากแล้ว ยังเจ็บมากด้วย
แม่พาไปหาหมอ หมอก็ให้ยาแก้คันมาทา ยายก็ทาให้ดิฉันวนไป พอเริ่มคันปุ๊บ ทาปั๊บ ซึ่งก็ได้ผลอยู่เหมือนกัน เพราะช่วยให้ดิฉันไม่ค่อยเกามาก พอไม่เกามันก็ไม่อักเสบเพิ่มขึ้น ผ่านไป 3 วันปื้นหนาๆ ก็เริ่มยุบ เหมือนแผ่นดินใหญ่เริ่มแยกเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีอาณาเขตของตัวเอง
ดิฉันไม่เคยเห็นใครโดนหมัดกัด ก็เลยไม่รู้ว่าพอตุ่มเริ่มยุบจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับดิฉัน แต่ละตุ่มมันเริ่มเปลี่ยนสี จากสีแดงสด กลายเป็นแดงก่ำ แล้วต่อมาอีกประมาณสี่ซ้าห้าวันก็กลายเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง จากนั้นอีก 1 สัปดาห์จะกลายเป็นสีม่วง ซึ่งตลอดช่วงเวลานี้ อาการเจ็บจะพัฒนาเป็นอาการปวด (อธิบายยากว่า ‘เจ็บ’ กับ ‘ปวด’ ต่างกันยังไง แต่เชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจแหละ) แล้วหลังจากตุ่มทั้งหลายยุบลงจนราบเรียบ สีม่วงช้ำๆ นั้นจะยังคงอยู่อีกประมาณ 1 สัปดาห์
สิริรวมสรุปแล้ว กว่าจะหายสนิท ใช้เวลาร่วมเดือน
ตอนนั้นใครๆ ก็คิดว่าดิฉันแพ้หมัดอย่างเดียว แค่ไม่ไปเล่นในพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่จะโดนหมัดกัดก็ไม่น่าจะเป็นไรมาก
แต่ปรากฏว่า พอขึ้นชั้นมัธยม ระหว่างที่นั่งเรียนอยู่ ดิฉันก็รู้สึกเจ็บจึ๊กแรงมากที่เท้าขวาด้านในบริเวณใต้ตาตุ่ม เจ็บเหมือนกับมีใครเอาเข็มมาทิ่มเลยทีเดียว
ดิฉันร้อง “โอ๊ย!” เสียงดังลั่น จนเพื่อนกับครูวิ่งเข้ามามุงดูด้วยความตกใจ ดิฉันรีบถอดถุงเท้าออก ตุ่มแดงขนาดไม่เล็กนักปรากฏแก่สายตา มีจุดสีแดงอยู่ตรงกลางเหมือนกับเข็มทิ่มจริงๆ เพื่อนดิฉันเหวอมาก เผลอแตะนิ้วเท้าดิฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ ดิฉันร้องจ๊าก เพราะมันสะเทือนไปถึงตุ่มแดงนั้นด้วย ดิฉันก็เลยถูกหามไปห้องพยาบาลทันที
จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันหาว่าสัตว์มีพิษชนิดใดลอบจู่โจมดิฉัน ได้ความว่าพลิกแผ่นดินหาทั้งห้อง เจอแมงมุมอยู่ตัวเดียว หมอบอกว่าแมงมุมก็เข้าเค้าอยู่ ก็เลยสรุปว่าดิฉันแพ้แมงมุมด้วย และรักษาโดยวิธีเดิม คือให้ยาแก้คันมาทา
หลังจากนั้น ชีวิตดิฉันก็เหมือนวนลูปตอนโดนหมัดกัด แต่ดีกรีความโหดเพิ่มขึ้นพอสมควร เพราะคราวนี้มาเป็นที่เท้า ซึ่งเป็นอวัยวะที่เราใช้เดินและรับน้ำหนัก ตุ่มแดงที่โดนกัดก็เลยบวมเป่งและขยายปริมณฑลออกไปไกลมาก จนเท้าขวาของดิฉันบวมเป็นสีแดงก่ำไปซีกหนึ่ง ไม่สามารถเดินลงน้ำหนักได้เลยเพราะจะเจ็บปวดมาก แม้แต่นั่งห้อยขาก็ปวดแล้ว ต้องเอาขาพาดเก้าอี้ไว้ตลอดเวลา
ช่วงนั้นพ่อดิฉันซึ่งป่วยมาพักหนึ่งได้เสียชีวิตลงพอดี ดิฉันผู้พิการก็กะโผลกกะเผลกไปวัดทุกวัน เท้าซึ่งบวมเป่งก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นช้ำเลือดช้ำหนอง เป็นที่สมเพชเวทนาแก่แขกเหรื่อญาติมิตรเป็นอย่างยิ่ง
น้องชายดิฉันผู้เห็นอาการแพ้อันหนักหน่วงเกินมนุษย์มนาดังนั้น จึงสรุปแก่ทุกคนว่า ดิฉันน่าจะไม่ใช่มนุษย์โลก แต่เป็นมนุษย์ต่างดาว
ทฤษฎีนี้เป็นที่กล่าวขวัญอย่างกว้างขวางในหมู่ญาติมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดิฉันเติบโตขึ้นและมีอาการแพ้ที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
Ep.นี้เล่าเรื่องการแพ้แมลงในชีวิตช่วงประถมและมัธยมไปแล้ว Ep.หน้าจะมาเล่าถึงช่วงอุดมศึกษา มาดูกันนะคะว่าจะพีคไปถึงขั้นไหน
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
บันทึก อ.สุรศักดิ์
ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นทุกปี อาการแรกเริ่มที่เป็นมักไม่รุนแรง ดังนั้นคนส่วนใหญ่มักจะทน และใช้วิธีรักษาตามอาการ..รักษาที่ปลายเหตุ
อาการภูมิแพ้เป็นสัญญาณชี้บ่ง “สภาพการเสียสมดุลภายในร่างกาย” เมื่อเป็นเรื้อรัง จะทำลายสุขภาพให้อ่อนแอลงเรื่อยๆ มีโรคต่างๆ ตามมาง่าย และมักจะ "แก่เร็ว"
วิชาชี่กง มีหลายวิชาที่ สามารถบำบัด ฟื้นฟู โรคภูมิแพ้และ โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ได้ดีมาก